วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

16 กันยายน 2556 Neko Jump, Thank you ซุ่มซ้อมหนัก อุ่นเครื่องก่อนขึ้น concert ใหญ่ในงาน Nine Entertain.

16 กันยายน 2556
Neko Jump, Thank you ซุ่มซ้อมหนัก อุ่นเครื่องก่อนขึ้น concert ใหญ่ในงาน Nine Entertain.
วันนี้พี่ KAKA บุกถึงห้องซ้อมไปดูการเตรียมความพร้อมของ Neko Jump และ Thank you เพื่อร่วมงานฉลองครบ 11 ปีของ Nine Entertain. ซึ่งปีนี้ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ภายใต้ชื่องานสุดเก๋ว่า “Nine Entertain Birthday Festival 2013” ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 ตั้งแต่เที่ยงตรงเป็นต้นไป หน้าลาน Park Paragon งานนี้จะได้ชมโชว์เพลง Look สิ! จาก Neko Jump แบบสดๆเป็นที่แรกอีกด้วย ส่วน Thank you สาวจิ๋วจะขนความเจ๋งไปโชว์กันแบบไม่มีกั๊ก พี่ KAKA บอกเลยว่าเห็นซ้อมหนักกันขนาดนี้มีเซอร์ไพส์แน่นอน! เตรียมยกขบวนไปร่วมเชียร์ให้กำลังใจกันได้เลย เพราะงานนี้ฟรีตลอดงาน

comment

06 มิถุนายน 2556 KAMIKAZE เปิดตัวศิลปินเบอร์ล่าสุด Thank you สาวจิ๋วแต่เจ๋ง

06 มิถุนายน 2556
KAMIKAZE เปิดตัวศิลปินเบอร์ล่าสุด Thank you สาวจิ๋วแต่เจ๋ง
ครบรอบ ปีได้ไม่นาน ค่ายเพลงไทย เพื่อคนไทย หัวใจวัยรุ่น อย่าง KAMIKAZE ก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับแฟนๆทุกคนด้วยศิลปินเบอร์ล่าสุด "Thank you (แตงค์กิ้ว)" ที่มาพร้อมสโลแกนส่วนตัว Little Thank you จิ๋วแต่เจ๋ง สาวตัวจิ๋ววัย 15 ปีที่ฝีมือการเต้นแจ๋วทุก step ผ่านการฝึกฝนด้านการเต้นตั้งแต่ ขวบ มาพร้อมกับศิลปินรุ่นพี่อย่าง Poppy 3.2.1 แถมยังเคยผ่านการประกวดเต้น Street Dance เวทีเดียวกับ Timethai อีกด้วย ความแจ๋วของเธอเข้าตา Kamikaze จนได้ Audition และผ่านการเทรนในฐานะศิลปินฝึกหัดภายใต้ค่าย Kamikaze กว่าปี และวันนี้เธอพร้อมจะทำความรู้จักกับทุกคนใน Single เปิดตัว "Thank you for your love" เพลงสไตล์ Pop Dance สุดคึกคัก ที่ใครฟังก็ต้องยึกยัก ขยับร่างกายไปพร้อมกับเธอ
ล่าสุดได้ถ่ายทำ  MV. Thank you for your love ถ่ายทอดตัวตนของ Thank you ผ่านเนื้อเรื่องในรั้วโรงเรียนกับกระแส Social Network ที่กำลังระบาดไปทั่วทุกหัวระแหง โดย Thank you รับบทเป็นสาวที่ไม่ว่าจะทำอะไร คนในโรงเรียนก็ต่างพากันถ่าย Clip และช่วยกันโพส ช่วยกันแชร์จนเธอกลายเป็นสาวสุด Pop ของโรงเรียน ซึ่งใน MV. นี้ก็ได้หนุ่มรุ่นพี่ใน Kamikaze อย่าง เควิน วง XIS มารับบทพระเอก MV. นี้อีกด้วย งานนี้สาว Thank you แอบเผยให้ฟังว่า แตงค์กิ้ว ก็ตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ เพราะนี่ก็ถือว่าเป็น MV. ที่เปิดตัว แตงค์กิ้ว ในฐานะศิลปินเดี่ยวคนล่าสุดของ Kamikaze แล้วใน MV. นี้ก็ถ่ายทำที่ โรงเรียนของ แตงค์กิ้ว รวมถึงเพื่อนๆที่ร่วมแสดงใน MV. ก็เป็นเพื่อนของ แตงค์กิ้ว จริงๆ วันนี้แตงกิ้วก็เต้นตั้งแต่ โมงเช้ายันเที่ยงคืนเลยค่ะ เป็นการถ่ายทำ MV. ที่สนุกมากค่ะ"

ใครที่อยากทำความรู้จักกับเพื่อนสาวคนล่าสุดจาก Kamikaze อย่าง Thank you อย่าลืมติดตาม MV. เพลง Thank you for your love ก่อนใคร วันที่ 10 มิ.นี้ที่ You Channel และดาวน์โหลดเพลงนี้โทร *339083 พร้อมดู MV.ทาง www.ilovekamikaze.com ในวันที่ 17 มิ..นี้

comment

ความเป็นมาของปัญหาไต้หวัน

        
ความเป็นมาของปัญหาไต้หวัน

  
หลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ไต้หวันได้กลับคืนสู่จีนไม่ว่าในด้านกฎหมายหรือด้าน สภาพความเป็นจริง เหตุที่ได้เกิดปัญหาไต้หวันขึ้นอีกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสงคราม กลางเมืองขึ้นของพรรคก๊กมิ่นตั๋ง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านี้คือ การเข้าก้าวก่ายของ อิทธิพลต่างชาติ
ปัญหาไต้หวันกับกับการที่พรรคก๊กมิ่นตั๋งก่อสงครามกลางเมืองในจีน
หลังจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นได้รับชัยชนะแล้ว กลุ่มพรรคก๊กมิ่นตั๋งที่นำโดยนาย เจียงไคเช็คได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา ได้ก่อสงครามกลางเมืองในทั่วประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำประชาชนจีนดำเนินการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยจีนมาเป็นเวลากว่า 3 ปีจนในที่สุดได้โค่นล้มการปกครองของพรรก๊กมิ่นตั๋งและได้สถาปนาสาธารณรัฐ
ประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1949 ทั้งเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่รัฐบาลเดียวของจีน นายเจียงไคเช็คนำเจ้าหน้าที่ทางการเมืองและการทหารส่วนหนึ่ง ในกลุ่มพรรคก๊กมิ่นตั๋งหนีไปไต้หวัน จึงทำให้สองฟากฝั่งช่องแตบไต้หวันตกอยู่ในภาวะ แตกแยก
ปัญหาไต้หวันกับความรับผิดชอบของรัฐบาลอเมริกา
หลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลอเมริกาเคยใช้วิธีการทุกอย่างสนับสนุนให้ กลุ่มพรรคก๊กมิ่นตั๋งก่อสงครามกลางเมือง หมายจะทำลายพรรคคอมมิวนิสต์จีน  แต่ รัฐบาลอเมริกามิได้บรรลุเป้าหมายของตนในที่สุด
หลังจากจีนใหม่ได้สถาปนาขึ้นแล้วเป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกาใช้นโยบายโดดเดี่ยว และยับยั้งจีน ทั้งเข้าแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันซึ่ง เป็นกิจการภายในของจีนอย่างชัด ๆ หลังจากสงครามเกาหลีได้ระเบิดขึ้นแล้วเป็นต้นมา  โดยได้ส่งกองเรือรบที่ 7 เข้าประจำช่องแคบไต้หวันและส่งฝูงบินที่ 13 เข้าสประจำ ไต้หวันเมื่อปี 1950 เมื่อเดือนธันวาคม 1954 อเมริกากับทางการไต้หวัน ยังได้ลงนามในสิ่งที่เรียกว่า สนธิสัญญาว่าด้วยกิจการป้องกันร่วมกัน ทั้งนี้ทำให้ สอง ฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันตกอยู่ในสภาวะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างตึงเครียดและปัญหา
ไต้หวันก็กลายเป็นข้อพิพาทอันสำคัญระหว่างจีนกับอเมริกา
พร้อม ๆ กับที่สถานการณ์ระหว่างประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและจีนได้ทวี ความเข้มแข็งยิ่งขึ้น อเมริกาเริ่มปรับปรุงนโยบายของตนที่มีต่อจีน  เมื่อเดือนตุลาคม 1971 การประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 26 ได้ผ่านมติหมายเลข 2758 รื้อฟื้น สิทธิอันชอบด้วยกฎหมายทุกอย่างของสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ ทั้ง ขับไล่ผู้แทนทางการไต้หวันออกจากสหประชาชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1972 นายเนกสันประธานาธิบดีอเมริกาเยือนจีน สองฝ่ายได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมที่นคร เซี่ยงไฮ้โดยเน้นว่า ฝ่ายอเมริกาแถลงว่า อเมริการับรู้ว่า คนจีนทุกคนในสองฟาก ฝั่งช่องแตบไต้หวันต่างก็เห็นว่า มีจีนแต่ประเทศเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน รัฐบาลอเมริกาไม่มีข้อขัดแย้้งต่อจุดยืนนี้
เมื่อเดือนธันวาคม 1978 รัฐบาลอเมริกายอมรับหลัก 3 ประการของจีน ว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต กล่าวคือ อเมริกาตัดความสัมพันธ์ทาง การทูตกับทางการไต้หวัน ยกเลิกสนธิสัญญาว่าด้วยกิจการป้องกันร่วมกันทั้งถอนทหาร ออกจากไต้หวัน จีนอเมริกาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 1 มกราคม 1979 แถลงกาารณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทาง การทูตระหว่างจีนอเมริกาแถลงว่า สหรัฐอเมริกายอมรับว่า รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชน จีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่รัฐบาลเดียวของจีน รัฐบาลสหรัฐอเมริกายอมรับ จุดยืนของจีนที่ว่า มีจีนแต่ประเทศเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ หลังจากนั้นไม่ถึง 3 เดือน รัฐสภาอเมริกากระทั่งได้ลง มติผ่านสิ่งที่เรียกว่า กฎหมาบยว่าด้วยความสัมพันธ์กับไต้หวัน ตามกฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลอเมริกายังคงได้จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันและเข้าแทรกแซงกิจการภายในของจีนต่อไป  ขัดขวางมิให้รวมไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่เข้าเป็นเอกภาพ
เพื่อแก้ปัญหาอเมริกาจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน รัฐบาลของจีนกับอเมริกาได้ ดำเนินการเจรจาและบรรลุซึ่งข้อตกลงเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1982 โดยได้ประกาศ แถลงการณ์ร่วมฉบับที่ 3 เกี่ยวกับความสัมพันธ์จีนอเมริกา รัฐบาลอเมริกาแถลงว่า อเมริกาไม่แสวงหาทางดำเนินนโยบายจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันในระยะยาว เตรียม ค่อย ๆ ลดจำนวนจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันให้น้อยลงจนแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงไปในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอเมริกาไม่เพียงแต่มิได้ปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับนี้อย่าง จริงจังเท่านั้น หากยังได้มีกการกระทำที่ฝ่าฝืนแถลงการณ์ฉบับนี้มิได้ขาด เมื่อเดือน กันยายน 1992 รัฐบาลอเมริกากระทั่งตกลงขายเครื่องบินรบแบบเอฟ -- 16 150 ลำให้ แก่ไต้หวัน ทำให้การพัฒนาความสัมพันธ์จีนอเมริกาและการแก้ไขปัญหาไต้หวันประสบ อุปสรรคและแรงขัดขวางใหม่
สรุปแล้ว การที่ปัญหาไต้หวันมิได้รับข้อยุติจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลอเมริกามีความ รับผิดชอบ

6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด


6 สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

กรุงโซล

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kpopislandrocks.wordpress.com 


          เมื่อพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ จะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ ติ๊กต่อก ๆ ...คิดถึงเหล่าบรรดาศิลปินนักแสดง อาหาร และวัฒนธรรมต่าง ๆ กันใช่ไหมล่ะ ถ้าใช่ ก็ถือว่าตอบถูกครับ แต่ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะสิ่งที่เราจะนำเสนอนี้ ไม่ใช่เรื่องของที่กล่าวมาแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของประเทศเกาหลีใต้ต่างหาก ใช่แล้วครับ สิ่งที่จะมานำเสนอในวันนี้ก็คือสถานที่เที่ยวฮอตฮิตของกรุงโซลเมืองหลวงของแดนกิมจินั่นเอง

          เมืองหลวงแห่งนี้มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของเอเชียเราอยู่พอสมควร อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วย แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าในกรุงโซลนั้น มีสถานที่อันฮอตฮิตที่หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไปที่นั่นแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่า "ห้ามพลาดนะจ๊ะ" ไปดูกันว่าทั้ง 6 สถานที่ซึ่งทางเว็บไซต์ Relax.com.sg ได้แนะนำไว้นั้น จะมีที่ใดบ้างและจะฮอตฮิตขนาดไหน ตามไปดูกันเลย !!

หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊ก (Bukchon Hanok Village)

1. หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊ก (Bukchon Hanok Village)

          หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบ๊อคกุง ( Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) ในอดีตเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดาขุนนางระดับสูง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งคนพื้นถิ่นจะเรียกหมู่บ้านแห่งนี้แบบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า "หมู่บ้านบุกชอน" ซึ่งในภาษาเกาหลีจะหมายถึงหมู่บ้านทางเหนือนั่นเอง

ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)

2. ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)

          เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เดินจากหมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กลงมาทางใต้ประมาณ 10 - 15 นาที คุณก็จะเจอกับย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง ที่มีทั้งห้องแสดงงานศิลปะ ร้านขายเครื่องแกะสลักแบบพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ภัตตาคารและร้านน้ำชาตามแบบเกาหลีดั้งเดิม ซึ่งนับเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิมแท้ ๆ นอกจากนี้ ที่นี้ยังเป็นแหล่งวัตถุโบราณ ทั้งภาพเขียนเก่าแก่ งานเครื่องปั้นดินเผา งานกระดาษ และเครื่องเรือนเก่าอีกด้วย

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

3. พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

          พระราชวังแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยราชวงศ์โชซอน  ในเขตพระราชวัง ประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ มากมาย เช่น ห้องประทับของกษัตริย์และพระราชินี ห้องทรงพระอักษร ท้องพระโรง สวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักเคียวฮเวรู ที่มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น พระตำหนักถูกสร้างให้ยื่นออกไปกลางสระน้ำ เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงพระราชทานนสมัยนั้น

มยองดง (Myeongdong)

4. มยองดง (Myeongdong)

          ถ้าบ้านเรามีสยามสแควร์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยทีนทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางและอื่น ๆ ที่กรุงโซลก็มีย่าน มยองดง หรือเมียงดง เป็นแหล่งช้อปปิ้งเช่นเดียวกัน เพราะที่นี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสินค้าแบรนด์เนมมากมายหลากหลายยี่ห้อ และถ้าเดิน ๆ ช้อปปิ้งจนเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะที่ก็เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศมากมายเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า "ช้อป", "ชิม", "เที่ยว" มีอยู่ที่นี่ครบ!

ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

5. ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

          เปลี่ยนบรรยากาศการช้อปปิ้งของหรู ๆ จากย่านเมียงดง มาช้อปปิ้งที่สำเพ็งบ้านเรา เอ๊ย! ล้อเล่นครับ เปลี่ยนมาเป็นตลาดนัมแดมุนต่างหาก เพราะตลาดนัมแดมุนถือเป็นแหล่งค้าขายสินค้าต่าง ๆ ในราคาถูกและซื้อ - ขายในราคาส่งกันจำนวนมาก ที่นี่มีร้านค้ามากมายให้คุณได้เลือกจับจ่ายซื้อของมากหลายพันร้านค้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอเตือนไว้สักนิดว่าหากใครที่ชอบต่อราคาสินค้า ก็ขอให้ระมัดระวังหรือไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ไม่เคยปรานีใครง่าย ๆ เหมือนกันนะจ๊ะ...จะบอกให้

รถไฟใต้ดิน (Subway)

6. รถไฟใต้ดิน (Subway)

          ไหน ๆ ก็ไปถึงกรุงโซลกันแล้ว คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนด้วยการขึ้นรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั่นเอง การใช้บริการรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นและจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มาก แต่อย่างไรก็ดี หากจะใช้บริการรถไฟใต้ดินแล้วล่ะก็ กรุณาพกแผนที่และแผนผังของสถานีต่าง ๆ ติดตัวเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะที่กรุงโซลมีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นร้อย ๆ สถานีเลยทีเดียว แถมยังแบ่งเส้นทางอีกตั้ง 8 สาย และเชื่อมต่อสถานีไปที่ต่าง ๆ อีกมากมาย ฉะนั้นแล้วอย่าได้ทำแผนที่หายเป็นอันขาดล่ะ

          

ภูมิภาคอเมริกาเหนือ

ภูมิภาคอเมริกาเหนือ



ข้อมูลน่ารู้ด้านเศรษฐกิจ "มณฑลบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา"
13/12/2010

ข้อมูลน่ารู้ด้านเศรษฐกิจ "มณฑลบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา"

     รัฐบาลมณฑลบริติชโคลัมเบีย ได้จัดการบรรยายสรุปเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานที่น่าสนใจทางด้านเศรษฐกิจให้แก่คณะกงสุลประจำนครแวนคูเวอร์ประจำปี 2010 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยมีนาง Margaret MacDiarmid รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนและรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการต่างประเทศ นาย Allan Seckel รัฐมนตรีช่วยว่าการประจำสำนักมุขมนตรี นาย Martyn Brown รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน และนาย Peter Milburn รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการขนส่งและสาธารณูปโภค ร่วมทำการบรรยายสรุป ในโอกาสนี้ นาย อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร กงสุลใหญ่และนายวรรณะ เพิงมาก รองกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์ ผู้ใหญ่ใจดีได้ไปร่วมรับฟังและ เก็บสาระดีมาฝาก ดังนี้


     1. การค้าและการลงทุน 
     - บริติชโคลัมเบีย มีสนง.ผู้แทนทางการค้าและการลงทุน และสนง.ส่งเสริมการท่องเที่ยว หลายแห่งทั่วโลก โดยมุ่งเน้นจัดตั้ง สนง.ในภูมิภาคอช.ตอ. ยุโรปตต. อินเดีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และเม็กซิโก นอกจากนี้ ยังได้ทำความตกลงบ้านพี่เมืองน้องระหว่างเมืองต่างๆ ในบริติชโคลัมเบียกับเมืองต่างๆ ทั่วโลกประมาณ 110 เมือง

     - บริติชโคลัมเบียส่งสินค้าออกร้อยละ 82 ไปยังสหรัฐ ฯ ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ โดยเมื่อปี 2000 ส่งออกไปจีนเป็นมูลค่า 706 ล้านเหรียญแคนาดาและในปี 2009 ส่งออกไปจีนคิดเป็นมูลค่า 2.47 พันล้านเหรียญแคนาดา และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2010 มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 13.8 ส่วนใหญ่ส่งไปญี่ปุ่น 3.4 พันล้านเหรียญแคนาดา ส่งออกไปเกาหลีใต้ 1.58 พันล้านเหรียญแคนาดา ส่งออกไปสหรัฐ ฯ 11.18 พันล้านเหรียญแคนาดา และส่งออกไปยังยุโรปตต. 1.65 พันล้านเหรียญแคนาดา

     - สินค้าส่งออกของมณฑลบริติชโคลัมเบียที่มีมูลค่ากระเตื้องขึ้นในปีนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากไม้เนื้อแข็ง ส่งออกเป็นมูลค่า 4.2 พันล้านเหรียญแคนาดา เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 22.5 ผลิตภัณฑ์กระดาษและเยื่อไม้ มูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญแคนาดา เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 14 ผลิตภัณฑ์พลังงาน มูลค่า 6.6 พันล้านเหรียญแคนาดา เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 18ผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญแคนาดา เพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 7 ผลิตภัณฑ์ปลา มูลค่า 806 ล้านเหรียญแคนาดาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 8 และเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ มูลค่า 2.3 พันล้านเหรียญแคนาดาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2

     - ไม้ท่อนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพมากในบริติชโคลัมเบีย เพราะมีอุปสงค์เข้ามาใหม่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 25 โดยในเดือนกันยายน 2553 ส่งออกไปยังจีนและญี่ปุ่นคิดเป็นมูลค่าร้อยละ 40.2 ในขณะที่ส่งออกไปยังสหรัฐ ฯ คิดเป็นร้อยละ 42.5 และตลอดปีนี้ บริติชโคลัมเบียส่งออกไม้ท่อนไปยังสหรัฐฯ แล้วคิดเป็นมูลค่าร้อยละ 47.5 และส่งไปจีนและญี่ปุ่นร้อยละ 33.8 ในขณะที่เมื่อปี 2005 สหรัฐ ฯ มีส่วนแบ่งร้อยละ 67 ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งร้อยละ 17 เท่านั้น

     - บริติชโคลัมเบียได้ทำคตล.ทางการค้ากับมณฑลอื่นๆ อาทิ คตล.ว่าด้วยการค้าภายใน ปี 1994 คตล.ว่าด้วยการค้า การลงทุนและการเคลื่อนย้ายแรงงาน ปี 2007 และคตล.ว่าด้วยหุ้นส่วนทางการค้าภาคตะวันตกใหม่ ปี 2010 ซึ่งจากคตล.ทำให้สามารถขยายตลาดได้เกือบ 9 ล้านคน มีขนาด GDP คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 550 พันล้านเหรียญแคนาดาและนับเป็นการรวบระบบเศรษฐกิจแบบเปิดที่มีความสามารถในการแข่งขันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หรือมีขนาดใหญ่กว่า GDP รวมของประเทศเล็กที่สุดใน EU 10 ปท.รวมกัน

     - แคนาดาเป็นภาคีสมาชิกของคตล.การค้าระหว่างประเทศ อาทิ WTO, NAFTA, CCFTA, Canada – Israel Free Trade Agreement , Canada – Costa Rica Free Trade Agreement, Canada – European Free Trade Agreement และ Canada – Peru Free Trade Agreement อย่างไรก็ดี ยังมีคตล.การค้าเสรีที่แคนาดาได้ลงนามไปแล้วแต่ยังไม่ให้การสัตยาบัน ได้แก่คตล.กับปท.โคลัมเบีย จอร์แดนและปานามา นอกจากนี้ แคนาดากำลังอยู่ในระหว่างหารือเพื่อทำคตล.การค้าเสรีกับอียู อินเดีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มอรอกโก และตุรกี

     - Trans – Pacific Partnership (TPP) เป็นกลุ่มความร่วมมือที่บริติชโคลัมเบียให้ความสำคัญมาก โดยคตล.นี้เริ่มก่อตั้งด้วยบรูไน ชิลี นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2005 และขณะนี้ ออสเตรเลีย มาเลเซีย เปรู สหรัฐ ฯ และเวียดนาม กำลังเจรจาเพื่อเข้ารวมกลุ่มด้วย ในขณะที่ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าเป็นสมาชิก ส่วนแคนาดาเคยได้รับเชิญให้เข้าร่วมพูดคุยแต่ยังไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการเจรจาแต่อย่างใด

     - จุดขายของบริติชโคลัมเบีย ได้แก่ การเป็นประตูของแคนาดาด้านแปซิฟิก การมีภูมิประเทศที่มีธรรมชาติงดงาม การมีคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม การเป็นมณฑลที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม การดูแลสุขอนามัยชั้นเยี่ยมยอด การศึกษาชั้นเยี่ยม การเป็นจุดศูนย์กลางการสร้างสรรค์ของแคนาดา การเป็นมิตรทางธุรกิจ การเก็บภาษีต่ำ การได้รับเครดิต 3 เอ การมีหนี้สินต่ำ การมีแรงงานที่มีทักษะสูง การมีโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด การเป็นผู้นำเรื่องการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การเป็นผู้นำเรื่องการค้าเสรี และการเป็นมณฑลที่ปลอดภัยและมีประชาธิปไตยที่มั่นคง

     - นอกจากนี้ นครแวนคูเวอร์ยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดในภูมิภาคอเมริกาเป็นครั้งที่ห้าในระยะเวลา 6 ปี เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลกเมื่อปี 2009 และเป็นเมืองยอดเยี่ยมสำหรับการประชุมนานาชาติในอเมริกาเหนือ และจากการที่แวนคูเวอร์ประสบความสำเร็จในการจัดกีฬาโอลิมปิกส์ฤดูหนาวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจึงนับเป็นโอกาสที่แวนคูเวอร์จะได้ใช้เป็นจุดแข็งในการขยายตลาดด้านทักษะความเชี่ยวชาญในการจัดการแข่งขันระดับโลกโดยเล็งเป้าหมายไปยังเมืองต่าง ๆ ที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก


     2. การท่องเที่ยว
     การท่องเที่ยวในบริติชโคลัมเบียเป็นอุตสาหกรรมบริการที่ทำรายได้ให้แก่มณฑลประมาณ 12.7 พันล้านเหรียญแคนาดา สามารถสร้างงานได้ 129,000 ตำแหน่ง โดยมีจุดขายของมณฑล ได้แก่ ความสะอาด ยั่งยืน ยอดเยี่ยมและธรรมชาติ นอกจากนี้ การได้รับการโหวตให้นครแวนคูเวอร์เป็นเมืองที่ดีที่สุดในด้านต่าง ๆ การมีศูนย์ประชุมนานาชาติแห่งใหม่ รวมทั้งความสำเร็จในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์ฤดูหนาว ยิ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวบริติชโคลัมเบียเพิ่มมากขึ้น

     สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของมณฑลนั้น กระทรวงการท่องเที่ยว ฯ ได้เข้าร่วมในการจัดนิทรรศการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเมืองใหญ่ ๆ อาทิ ซานฟรานซิสโก และโตเกียว รวมทั้งเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ในอินเดีย จีน และเม็กซิโก เป็นต้น ซึ่งแต่ละครั้งในการเข้าร่วมงานได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานและสื่อต่าง ๆ เป็นอย่างสูง


     3. การคมนาคมในบริติชโคลัมเบีย

     3.1 การลงทุนในด้านคมนาคม
     รัฐบาลแคนาดา มณฑลบริติชโลัมเบีย มณฑลทางภาคตะวันตกของแคนาดา และภาคเอกชน ได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ประตูแคนาดาด้านแปซิฟิก ( Canada’s Pacific Gateway) ด้วยตระหนักว่าการคมนาคมมีบทบาทสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ประตูแคนาดาด้านแปซิฟิกจึงเป็นเครือข่ายคมนาคมแบบผสมผสานของสนามบินระดับโลก ท่าเรือ รถไฟ ถนนและด่านชายแดน เพื่อนำแคนาดาและอเมริกาเหนือไปสู่เอเชียและโลกโดยรวม และนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา หุ้นส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวได้ร่วมกันลงทุนในโครงการต่าง ๆ ไปแล้วประมาณ 22 พันล้านเหรียญ ทั้งการสร้างและการซ่อมถนนต่าง ๆ และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเฟรเซอร์ การสร้างและการซ่อมทางรถไฟสายต่าง ๆ การขยายท่าเรือที่นครแวนคูเวอร์และเมือง Prince Rupert เพื่อรองรับเรือสินค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตแทนท่าเรือนครลอสแอนเจลิสและลองบีช ส่วนการขนส่งทางอากาศนั้น หุ้นส่วนประตูแคนาดาด้านแปซิกได้ลงทุนจำนวน 210 ล้านเหรียญเพื่อขยายสนามบินและสร้างทางวิ่งเพิ่มเติมสำหรับสนามบินเป้าหมายในเมืองต่าง ๆ ในบริติชโคลัมเบีย อาทิ สนามบิน Prince George สนามบิน Abbotsford และสนามบิน Kamloops เป็นต้น นอกเหนือจากที่ได้ลงทุนจำนวน 2 พันล้านเหรียญในการเชื่อมรถไฟฟ้าระหว่างสนามบินแวนคูเวอร์กับ downtown ไปแล้ว

     3.2 นโยบายเปิดน่านฟ้า (Open Skies)      โดยที่รัฐบาลแคนาดา บริติชโคลัมเบียและหุ้นส่วนต่าง ๆ ได้ลงทุนใน Canada’s Pacific Gateway ไปเป็นเงินจำนวนมากแล้ว อย่างไรก็ดีบริติชโคลัมเบียเล็งเห็นว่า Air Service Agreement (ASA) เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ Canada’s Pacific Gateways เพราะใน คตล.มีการจำกัดสนามบินที่เครื่องบินจะไปลงรวมทั้งจำกัดจำนวนเที่ยวบินด้วย การเปิดน่านฟ้า (Open Skies) จะช่วยให้ผู้ประกอบการบินมีอิสระที่จะเลือกเส้นทางการบินและความถี่ของเที่ยวบินและยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารรวมทั้งการขนส่งสินค้า นอกจากนี้ การเปิดน่านฟ้ายังเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น มีการติดต่อทางธุรกิจมากขึ้น มีการยืดหยุ่นในการส่งสินค้า และเป็นการปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มการเปิดเสรีทางอากาศในโลกปัจจุบัน

     สำหรับพัฒนาการในการเปิดน่านฟ้ากับสหรัฐ ฯ นั้น เมื่อปี 1994 บริติชโคลัมเบียได้รับสิทธิการบินจากสนามบินแวนคูเวอร์ไปยังสหรัฐฯ ได้เพียง 7 เมือง ด้วย 6 สายการบิน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสามารถทำการบินไปยังสหรัฐฯ ได้ 23 เมือง ด้วย 14 สายการบิน ซึ่งการเปิดน่านฟ้ากับสหรัฐฯ นับเป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจทั้งบริติชโคลัมเบียและสหรัฐ ฯ อย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันบริติชโคลัมเบียหวังที่จะแสวงหาลู่ทางเปิดน่านฟ้ากับประเทศอื่น ๆ ด้วย และการเปิดน่านฟ้ากับต่างประเทศที่ได้รับความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ การเปิดน่านฟ้ากับเกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

     อนึ่ง สิ่งที่บริติชโคลัมเบียได้ดำเนินการไปแล้วเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเปิดน่านฟ้าได้แก่การเน้นเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลกลาง การประสานกับผู้ที่ได้เสียทั่วโลกและจัดการประชุมสุดยอด (Open Skies Summit) ขึ้นที่นครแวนคูเวอร์ เมื่อเดือนกันยายน 2009 เพื่อแสวงหาลู่ทางความเป็นไปได้ในการเปิดน่านฟ้า และต่อมาบริติชโคลัมเบียได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเปิดน่านฟ้ากับมณฑลอัลเบอร์ต้าและซัสคัทเชวัน เพื่อเรียกร้องให้มีการเชื่อมโยงการคมนาคมโดยตรงระหว่างแคนาดาตะวันตกกับทั่วโลกโดยปราศจากการกีดกัน ซึ่งแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวได้รับการลงนามโดยมุขมนตรีทั้ง 7 คน ของภูมิภาคแคนาดาตะวันตกแล้ว นอกจากนี้ บริติชโคลัมเบียยังได้ดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมผลักดันให้มีการเปิดน่านฟ้า อาทิ การนำร่องโครงการ Transit Without Visa (TWoV) และการยกเว้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงแก่เครื่องบินพลเรือนนานาชาติที่ใช้สนามบินแวนคูเวอร์ เป็นต้น

     ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์ 

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

ดอกทานตะวัน


ทานตะวัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ทานตะวัน
ดอกทานตะวันสีเหลืองสว่าง
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:Plantae
หมวด:Magnoliophyta
ชั้น:Magnoliopsida
อันดับ:Asterales
วงศ์:Asteraceae
เผ่า:Heliantheae
สกุล:Helianthus
ชนิด:H. annuus
ชื่อทวินาม
Helianthus annuus
L.
ทานตะวัน มีชื่อตามภาษาท้องถิ่นว่า บัวผัด (ภาคเหนือ) เป็นพืชปีเดียว (Annual plant) อยู่ในแฟมิลี Asteraceae มีฐานรองกลุ่มดอก (Inflorescence) ขนาดใหญ่ ลำต้นโตได้สูงถึง 3 เมตร ฐานรองกลีบดอกอาจกว้างได้ถึง 30 เซนติเมตร ชื่อ"ทานตะวัน"ถูกใช้อ้างอิงถึงพืชทั้งหมดในจีนัส Helianthus ด้วยเช่นกัน
ทานตะวัน เป็นพืชท้องถิ่นของอเมริกากลาง มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการปลูกดอกทานตะวันในประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ประมาณ 2600 ปีก่อนคริสตกาล[1]

ตำนานดอกทานตะวัน[แก้]

ในเทพนิยายกรีกมีนางไม้ชื่อ Clytie ที่หลงรักเทพอพอลโล ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ ได้เฝ้ามองอพอลโลทุกวันจนผมสีทองของเธอกลายเป็นกลีบดอกสีเหลืองและใบหน้ากลายเป็นดอกทานตะวัน ชื่อ Helianthus มาจากคำว่า helios ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ กับคำว่า anthos ที่แปลว่า ดอกไม้

การเข้ามาของดอกทานตะวันในประเทศไทย[แก้]

ดอกทานตะวันเข้ามาในประเทศในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยชาวฝรั่งเศสนำมาปลูก

ลักษณะนิสัยของคนที่ชอบดอกทานตะวันที่สุด[แก้]

เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองมาก และถือดีในความรู้ความสามารถของตนไม่น้อย ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าคนอื่น เป็นคนตั้งเป้าหมายในชีวิตสูง

การใช้ประโยชน์[แก้]

ทานตะวันเป็นพืชให้น้ำมันโดยสกัดจากเมล็ด น้ำมันดอกทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงสามารถนำไปใช้ในการฟอกหนังและประกอบอาหาร
ทานตะวันเป็นพืชที่มีบทบาทมากในการฟื้นฟูดิน ตัวอย่างเช่น ทานตะวันสะสมตะกั่วได้ 0.86 mg/kg เมื่อเลี้ยงแบบไฮโดรโพนิกส์[2] และส่งเสริมการย่อยสลายคาร์โบฟูรานได้ 46.71 mg/kg [3][4]

ภาพทานตะวัน[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1.  University of Cincinnati (2008, April 29). Ancient Sunflower Fuels Debate About Agriculture In The Americas. ScienceDaily. Retrieved April 29, 2008, from /releases/2008/04/080429075321.htm
  2.  สุพัตรา แก้วแสนสุข, นิตยาไชยเนตร, และ พอจิต นันทนาวัฒน์. (2551). ผลของตะกั่วไนเตรตต่ออัตราการงอกและการเจริญเติบโตของพืชในระบบไฮโดรโพนิกส์. การประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 9, 14 – 15 มีนาคม 2551, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา
  3.  Teerakun, M. (2004). Phytoremediation of Carbofuran Residue in Soil. Thesis, Khon Kaen University.
  4.  ดูเพิ่มเติมที่ รายชื่อพืชที่สะสมสารบางชนิดได้ดี